"ปัญหาการเลือกใช้งานโช๊คอัพให้ตรงใจ ตั้งโจทย์การใช้งานผิด ผลลัพธ์ก็ไม่ตอบโจทย์ที่ต้องการ"
เรียกได้ว่าเป็นปัญหาที่พบกันประจำสำหรับผู้ใช้งานรถยนต์ทุกประเภท โดยเฉพาะรถยนต์ประเภทบรถปิ๊คอัพ 4x4 PPV และรถตู้ กับปัญหาการเลือกใช้งานโช๊คอัพ (Shock Absorber) ว่าจะเลือกใช้งานระบบไหนหรือยี่ห้อไหนถึงจะตอบโจทย์การใช้งานของตัวเอง
การเลือกใช้โช๊คอัพต้องเริ่มจาก
1. ตั้งจุดประสงค์การใช้งานที่ต้องการให้ถูกต้องก่อน ยกตัวอย่างเช่น ใช้ในการแข่งขัน ทำความเร็วและการควบคุมที่แม่นยำ หรือ เน้นใช้งานในชีวิตประจำวัน ขับขี่บนสภาพถนนจริงหลากหลายรูปแบบ หรืออาจจะเป็นจุดประสงค์ที่ต้องการของผู้ขับขี่เองและผู้โดยสาร เช่น ช่วงวัย ช่วงอายุ สุขภาพร่างกาย รวมถึงปัญหาที่พบจากการใช้งานที่ผ่านมาและต้องการแก้ไขหรือปรับปรุงให้ดีขึ้นมาเป็นตัวตั้งต้นก่อน หลังจากนั้นจึงตกผลึกมาเป็นโจทย์ในการเลือกซื้อและใช้งานโช๊คอัพ
2. ต้องศึกษาข้อมูลว่าโช๊คอัพระบบไหน รูปแบบใด ที่จะทำหน้าที่แก้ไขหรือตอบโจทย์และจุดประสงค์การใช้งานที่ตั้งไว้อย่างเหมาะสมที่สุด
วันนี้จึงอยากจะนำข้อมูลของระบบโช๊คอัพในปัจจุบันทุกระบบมาให้ผู้อ่านได้ศึกษาและทำความเข้าใจก่อนที่จะทำการเลือกซื้อหรือเลือกใช้โช๊คอัพใหม่สักชุดกันครับ
------------------------------------------
1. โช๊คอัพระบบโมโนทูป หรือ Mono-tube Shock Absorber เป็นระบบกันสะเทือนที่ได้รับความนิยมในวงการยานยนต์ โดยเฉพาะในการใช้งานที่ต้องการประสิทธิภาพสูง เช่น การแข่งขันรถยนต์และการขับขี่แบบออฟโรด ระบบนี้มีโครงสร้างและหลักการทำงานที่แตกต่างจากโช๊คอัพทั่วไป ซึ่งช่วยเพิ่มการควบคุมและความเสถียรในการขับขี่
- ลักษณะโครงสร้าง
โช๊คอัพระบบโมโนทูปมีโครงสร้างที่ออกแบบมาให้ทำงานด้วยกระบอกเดียว (mono-tube) ซึ่งภายในกระบอกนี้จะแบ่งเป็นสองห้องหลัก คือ:
1. ห้องน้ำมัน: ห้องที่มีน้ำมันอยู่ภายในเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดูดซับแรงกระแทก
2. ห้องแก๊ส: ห้องที่บรรจุแก๊สแรงดันสูง เช่น ไนโตรเจน โดยจะแยกจากห้องน้ำมันด้วยลูกสูบลอย (floating piston)
การที่ห้องน้ำมันและห้องแก๊สถูกแยกออกจากกันอย่างชัดเจนด้วยลูกสูบลอย ทำให้ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดฟองอากาศในน้ำมัน ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของโช๊คอัพ
- หลักการทำงาน
เมื่อรถเจอแรงกระแทกจากพื้นผิวถนน ลูกสูบหลักภายในโช๊คอัพโมโนทูปจะเคลื่อนที่และดันน้ำมันผ่านช่องว่างขนาดเล็ก ซึ่งจะทำให้เกิดการดูดซับแรงกระแทก นอกจากนี้ แก๊สแรงดันสูงในห้องแก๊สยังช่วยเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ ลดการยุบตัวของโช๊คอัพอย่างรวดเร็ว และทำให้มีการตอบสนองที่แม่นยำต่อการเปลี่ยนแปลงของพื้นผิวถนน
- รูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม
การขับขี่ออฟโรด: เนื่องจากโช๊คอัพโมโนทูปสามารถรองรับแรงกระแทกได้สูง จึงเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้ในสภาพถนนขรุขระ
การแข่งรถ: ด้วยความเสถียรและการตอบสนองที่รวดเร็ว โช๊คอัพชนิดนี้เหมาะสำหรับการแข่งรถที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำและการดูดซับแรงที่ดีเยี่ยม
รถสปอร์ตหรือรถที่ปรับแต่งสำหรับการขับขี่ความเร็วสูง: ระบบนี้จะช่วยให้รถเกาะถนนได้ดียิ่งขึ้น และลดการสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์
- ข้อดีของโช๊คอัพโมโนทูป
1. การควบคุมที่ดีขึ้น: ด้วยการแยกห้องน้ำมันและแก๊สอย่างชัดเจน ทำให้ลดการเกิดฟองอากาศและเพิ่มความเสถียรในการทำงาน
2. การระบายความร้อนที่ดีกว่า: โช๊คอัพโมโนทูปมีพื้นที่ผิวในการระบายความร้อนที่มากกว่า ทำให้สามารถระบายความร้อนได้เร็วขึ้นและคงประสิทธิภาพการทำงานในระยะยาว
3. การตอบสนองที่รวดเร็ว: ลูกสูบในโช๊คอัพโมโนทูปสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ทำให้สามารถดูดซับแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ข้อด้อยในการใช้งานจริง
1. ราคาสูงกว่าโช๊คอัพทั่วไป: โช๊คอัพโมโนทูปมีราคาสูงกว่าระบบโช๊คอัพแบบดั้งเดิม (Twin-tube) เนื่องจากการออกแบบและวัสดุที่ซับซ้อนกว่า
2. ความแข็งกระด้างในการขับขี่: เนื่องจากโช๊คอัพโมโนทูปมีการตอบสนองที่รวดเร็วและแข็งแรง บางครั้งอาจให้ความรู้สึกแข็งกระด้างเมื่อขับขี่บนถนนเรียบๆ เช่น ถนนคอนกรีต และตะเข็บถนนและรอยต่อต่างๆ
- ความคงทนและอายุการใช้งาน
ด้วยการออกแบบที่ทนทานและการใช้วัสดุคุณภาพสูง โช๊คอัพระบบโมโนทูปมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าโช๊คอัพทั่วไป โดยสามารถใช้งานได้หลายปีหากได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธี แต่การใช้งานที่หนักหน่วง เช่น การขับขี่ออฟโรดหรือการแข่งรถ อาจทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้
- การดูแลบำรุงรักษา
1. การตรวจสอบแรงดันแก๊ส: ควรตรวจสอบแรงดันของแก๊สเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าแก๊สยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม
2. การทำความสะอาด: ควรทำความสะอาดภายนอกของโช๊คอัพเป็นประจำเพื่อป้องกันการสะสมของฝุ่นและเศษดินที่อาจทำให้การทำงานผิดพลาด
3. การเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน: ในบางกรณีอาจต้องมีการเปลี่ยนน้ำมันภายในโช๊คอัพเมื่อพบว่ามีการสูญเสียประสิทธิภาพในการดูดซับแรงกระแทก
- สรุป
โช๊คอัพระบบโมโนทูปเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพการขับขี่สูง โดยเฉพาะในสภาพถนนที่ขรุขระหรือในกิจกรรมที่ต้องการความเสถียรและการควบคุมที่แม่นยำ ถึงแม้จะมีราคาสูงและอาจให้ความรู้สึกแข็งกระด้างในการขับขี่บ้างในสภาพถนนบางประเภท แต่ข้อดีในการควบคุมและความทนทานทำให้ระบบนี้เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้ในการแข่งขันประเภทความเร็ว และประเภทออฟโรด
------------------------------------------
2. โช๊คอัพระบบทวินทูป (Twin-tube Shock Absorber) เป็นระบบกันสะเทือนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในรถยนต์ทั่วไป ทั้งรถยนต์นั่งส่วนบุคคลและรถยนต์เชิงพาณิชย์ โช๊คอัพระบบนี้มีความเรียบง่ายในด้านโครงสร้างและมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่าโช๊คอัพประเภทอื่นๆ ทำให้เป็นที่นิยมในตลาดรถยนต์มากมาย
- ลักษณะโครงสร้างของโช๊คอัพทวินทูป
โช๊คอัพระบบทวินทูปมีโครงสร้างที่ประกอบไปด้วยกระบอกสองชั้น (two tubes) ได้แก่:
1. กระบอกภายใน (Inner Tube): เป็นส่วนที่มีน้ำมันอยู่ภายในเพื่อทำหน้าที่ดูดซับแรงกระแทกและการเคลื่อนไหวของลูกสูบ
2. กระบอกภายนอก (Outer Tube): เป็นส่วนที่อยู่รอบกระบอกภายใน ทำหน้าที่เป็นที่พักน้ำมันสำรองเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวของลูกสูบ
ระบบทวินทูปนี้ไม่มีการแยกห้องน้ำมันและแก๊สเหมือนโช๊คอัพระบบโมโนทูป แต่จะใช้น้ำมันเป็นตัวกลางหลักในการดูดซับแรงกระแทก ซึ่งช่วยทำให้ระบบมีความนุ่มนวลมากกว่า แต่ในบางการใช้งานก็อาจทำให้เกิดอาการนุ่มเกินไปจนย้วยโยน
- หลักการทำงาน
เมื่อรถเจอกับแรงกระแทกจากพื้นผิวถนน ลูกสูบภายในกระบอกภายในจะเคลื่อนที่ และดันน้ำมันผ่านวาล์วขนาดเล็กที่อยู่ในลูกสูบ เมื่อน้ำมันไหลผ่านวาล์วนี้จะเกิดการดูดซับแรงกระแทก ส่วนหนึ่งของน้ำมันจะถูกดันไปยังกระบอกภายนอก ทำให้มีการกระจายแรงอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้การขับขี่มีความนุ่มนวลขึ้น
- รูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล: โช๊คอัพทวินทูปเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ใช้งานบนถนนเรียบทั่วไป หรือรถยนต์ที่ต้องการความนุ่มนวลในการขับขี่
รถยนต์เชิงพาณิชย์: เนื่องจากโช๊คอัพทวินทูปมีราคาที่เข้าถึงง่ายและการบำรุงรักษาที่ไม่ซับซ้อน จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
- ข้อดีของโช๊คอัพทวินทูป
1. การขับขี่ที่นุ่มนวล: ด้วยการออกแบบที่เน้นการดูดซับแรงกระแทกอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ระบบทวินทูปให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่นุ่มนวล เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
2. ราคาที่เข้าถึงได้ง่าย: โช๊คอัพทวินทูปมีต้นทุนการผลิตต่ำกว่า ทำให้ราคาของโช๊คอัพชนิดนี้เข้าถึงง่ายและคุ้มค่า
3. ความทนทานในสภาพใช้งานปกติ: โช๊คอัพทวินทูปมีความทนทานในสภาพถนนทั่วไปและการใช้งานที่ไม่หนักหน่วง
- ข้อด้อยในการใช้งานจริง
1. ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนต่ำกว่า: เนื่องจากโครงสร้างที่เป็นกระบอกสองชั้น ทำให้การระบายความร้อนช้ากว่าเมื่อเทียบกับโช๊คอัพระบบโมโนทูป ซึ่งอาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้งานในสภาพที่หนักหน่วง
2. ความเสถียรในสภาพถนนขรุขระน้อยกว่า: โช๊คอัพทวินทูปมีการตอบสนองที่ช้ากว่าในสภาพถนนที่ขรุขระ ทำให้ไม่เหมาะกับการใช้งานในสภาพการขับขี่ที่ต้องการการควบคุมที่แม่นยำ มีอาการโยนตัว โคลงเคลงในสภาพถนนที่ขรุขระ ความนิ่งของตัวรถในการโยกแซง หรือการควบคุมรถขณะขับขี่ที่ด้อยกว่าระบบโมโนทูป
- ความคงทนและอายุการใช้งาน
โช๊คอัพระบบทวินทูปมีความทนทานในระดับปานกลาง และมีอายุการใช้งานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 50,000 – 100,000 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับสภาพถนนและรูปแบบการขับขี่ หากใช้ในสภาพถนนที่เรียบและไม่เจอกับแรงกระแทกหนัก อายุการใช้งานอาจยาวนานขึ้น แต่หากใช้งานในสภาพถนนที่ขรุขระหรือในการขับขี่ที่มีความเร็วสูง อาจทำให้อายุการใช้งานลดลง
- การดูแลบำรุงรักษา
1. การตรวจสอบการรั่วซึม: ควรตรวจสอบโช๊คอัพเป็นประจำว่ามีการรั่วซึมของน้ำมันหรือไม่ หากพบควรทำการเปลี่ยนทันที
2. การทำความสะอาด: ควรทำความสะอาดบริเวณโช๊คอัพและช่วงล่างเป็นประจำ เพื่อป้องกันสิ่งสกปรกสะสมที่อาจทำให้การทำงานผิดพลาด
- สรุป
โช๊คอัพระบบทวินทูปเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการการขับขี่ที่นุ่มนวลและการดูดซับแรงกระแทกในสภาพถนนทั่วไป ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายและการบำรุงรักษาที่ไม่ซับซ้อน โช๊คอัพชนิดนี้จึงเป็นที่นิยมในรถยนต์หลากหลายประเภท อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการการควบคุมที่แม่นยำในสภาพถนนที่ขรุขระหรือในการขับขี่ความเร็วสูง โช๊คอัพระบบนี้อาจไม่เหมาะสมเท่าโช๊คอัพระบบโมโนทูป
------------------------------------------
3. โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports ระบบเอกสิทธิ์เพียงหนึ่งเดียว อีกหนึ่งนวัตกรรมโช๊คอัพ ทางเลือกใหม่ที่จะตอบทุกโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน ในทุกรูปแบบการใช้งานและทุกสภาพถนน
โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports เป็นหนึ่งในเทคโนโลยีระบบกันสะเทือน ระบบสิทธิบัตรเฉพาะเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ตอบโจทย์กลุ่มผู้ที่ต้องการความสะดวกสบายในการขับขี่และประสิทธิภาพที่ยืดหยุ่นตามสภาพถนน ระบบนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน สไตล์รถครอบครัว ควบคุมการขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย
ลักษณะโครงสร้างของโช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports
โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports มีโครงสร้างที่แตกต่างจากโช๊คอัพแบบทั่วไป เนื่องจากเพิ่มตัวระบบถุงลมเป็นตัวดูดซับแรงกระแทกเพิ่มขึ้น และยังทำหน้าที่รักษาสมดุลตัวรถในขณะขับขี่ให้นิ่งในทุกสภาพถนนและทุกสภาพการใช้งาน โครงสร้างหลักประกอบไปด้วย:
1. ห้องน้ำมัน: ห้องที่มีน้ำมันอยู่ภายในเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการดูดซับแรงกระแทก
2. ห้องถุงลม (Air Bag): ส่วนที่เป็นถุงยางหรือวัสดุเสริมความแข็งแรง ทำหน้าที่หลักในการดูดซับแรงกระแทก เป็นห้องสุดท้ายที่สามารถรับแรงกระแทกส่วนเกินที่เหลือไม่ให้ส่งกลับคืนห้องโดยสาร และยังทำหน้าที่ในการรักษาสมดุลตัวรถในระหว่างการขับขี่ให้นิ่งขึ้น เบรคหน้าไม่ทิ่ม ออกตัวหน้าไม่เชิด
3. วาล์วควบคุมอัตโนมัติ (Automatic Control Valves): วาล์วที่ใช้ในการควบคุมการเข้าและออกแรงดันของเหลวในถุงลม
- หลักการทำงาน
เมื่อขับขี่บนถนนที่มีพื้นผิวไม่เรียบ โช๊คอัพระบบถุงลมจะทำงานโดยการปรับแรงดันของเหลวภายในถุงลมเพื่อลดแรงกระแทก แรงกระแทกหรือแรงกระทำที่เหลือจากการทำงานในกระบอกโช๊คส่วนเกิน ตัวถุงลมจะรับและขยายตัวเพื่อซับแรงส่วนนี้ไว้ และเมื่อแรงดันลดลง ตัวถุงลมจะหดตัวลง ทำให้ในห้องโดยสารขณะขับขี่รู้สึกนิ่งขึ้นอย่างแตกต่างจากระบบโช๊อัพทั่วไป
- รูปแบบการใช้งานที่เหมาะสม
รถยนต์ที่ต้องการความสะดวกสบาย: เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ต้องการระบบกันสะเทือนที่นุ่มนวลและสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสภาพการขับขี่อัตโนมัติ สามารถขับขี่ได้ทุกสภาพถนนจริงในชีวิตประจำวัน เร็วก็นิ่ง ช้าก็แน่น โยกแซงไม่มีแถม ไม่ดีดเด้งหรือกระด้างบนถนนคอนกรีต เบรคหน้าไม่ทิ่ม ออกตัวหน้าไม่เชิด คนขับไม่เหนื่อย ผู้โดยสารนั่งสบาย ไม่เวียนหัวคลื่นไส้
- ข้อดีของโช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports
1. ย่านการใช้งานกว้างและยืดหยุ่นในการใช้งาน: โช๊คอัพถุงลม Shokku Sports มีย่านการใช้งานที่กว้าง ทำให้ครอบคลุมการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
2. ความนุ่มนวลในการขับขี่: ระบบถุงลมช่วยลดแรงกระแทกจากพื้นถนน ทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวลและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น แต่ความแม่นยำในการควบคุมรถก็ไม่ด้อยลงกว่าระบบโมโนทูป
3. การติดตั้งแสนง่าย: ผลิตตรงรุ่นทุุุกรุ่น ขั้นตอนการติดตั้งเหมือนการติดตั้งโช๊คอัพปกติทั่วไป สามารถติดตั้งได้ทุกร้านช่วงล่างมาตรฐานทั่วไป ถอดชุดเก่าและใส่แทนที่ได้เลย ไม่ต้องปรับแต่งหรือมีอุปกรณ์เสริมใดๆ
- ข้อด้อยในการใช้งานจริง
1. การบำรุงรักษา: เนื่องจากโช๊คอัพระบบถุงลมมีโครงสร้างและอุปกรณ์ที่ซับซ้อนกว่าระบบทั่วไปอื่นๆ การตรวจเช็ค บำรุงรักษาและซ่อมแซมจึงจำเป็นต้องเฉพาะทาง Shokku Sports หรือตัวแทนจำหน่ายทางการเท่านั้น
2. ต้นทุนที่สูงกว่า: ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและระบบที่ซับซ้อน โช๊คอัพระบบถุงลมอาจมีราคาที่สูงกว่าโช๊คอัพระบบทวินทูปและโมโนทูปบางยี่ห้อ แต่แลกมาด้วยความสะดวกสบายในการใช้งานจริง และอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
- ความคงทนและอายุการใช้งาน
โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports มีความคงทนในระดับค่อนข้างสูง ด้วยขั้นตอนการผลิตและวัสดุคุณภาพ โดยอายุการใช้งานจะขึ้นอยู่กับความหนักเบาการใช้งานจริง ถุงลมสามารถมีอายุการใช้งานได้ถึง 80,000 – 100,000 กิโลเมตร โดยไม่ต้องดูแลบำรุงรักษาแต่อย่างใด มีการรับประกันยาวนานถึง 18 เดือน ไม่จำกัดระยะทาง เสียหายระหว่างประกัน เปลี่ยนใหม่ทันทีไม่มีการซ่อม
- การดูแลบำรุงรักษา
1. โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports หลังจากติดตั้งไปสามารถใช้งานโดยไม่ต้องปรับแต่งหรือบำรุงรักษาเลย จนเมื่อใช้งานไปเป็นระยะเวลาประมาณ 30 -36 เดือน หรืออาจมากกว่านั้น (ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน) หรือรู้สึกถึงประสิทธิภาพการใช้งานเปลี่ยนแปลงไป สามารถส่งกลับทาง Shokku Sports หรือร้านตัวแทนเพื่อตรวจเช็คหรือบำรุงรักษาได้
สรุป
โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports เป็นนวัตกรรมเทคโนโลยีโช๊คอัพเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการย่านการใช้งานที่กว้าง ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย ยืดหยุ่นและขับขี่ในสภาพถนนที่หลากหลาย แม้จะมีต้นทุนที่สูงกว่าระบบโช๊คอัพทั่วไปบางยี่ห้อ แต่ความนุ่มนวลและความสะดวกสบายที่ได้รับในการขับขี่ ทำให้ระบบนี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มองหาการขับขี่ที่ทั้งสะดวกสบายและมีสไตล์
หากท่านสนใจข้อมูลเพิ่มเติมของ โช๊คอัพระบบถุงลม Shokku Sports สามารถติดตามได้ทาง:
🔸www.shokkusports.com
🔸www.facebook.com/shokkusports
🔸www.youtube.com/c/ShokkuSports
🔸Line ID : @shokkusports
🔸Twitter : @shokkusports
🔸Instagram : shokkusports
🔸Blockdit : shokkusports
🔸WhatsApp : https://wa.me/c/66901542245
🔸TikTok : shokkusports
🔸Threads : @shokkusports